เมนู

อรรถกถาสูตรที่ 8


8. ประวัตินางกาติยานี



ในสูตรที่ 8 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า อเวจฺปฺปสนฺนานํ ท่านแสดงว่า นางกาติยานี เป็น
เลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นที่ตน
บรรลุแล้ว.
ดังได้สดับมา นางกาติยานีนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า
ปทุมุตตระ บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี เห็นพระศาสดาทรงสถาปนา
อุบาสิกาผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้เลื่อมใส
อย่างแน่นแฟ้น จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น
นางเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป ในพุทธุปบาทกาลนี้บังเกิด
ในกุรรฆรนคร. บิดามารดาตั้งชื่อนางว่า กาติยานี.
ต่อมา นางเจริญวัย เป็นสหายเป็นมิตรสนิทของนางกาฬีชาว
กุรรฆรนคร ก็เมื่อใด ท่านพระโกฏิกัณณโสณเถระถูกมารดาวอนขอว่า
ท่านจงกล่าวธรรมแม้แก่โยมแม่ โดยทำนองที่พระทศพลตรัสไว้เถิด ก็นั่ง
เหนืออาสนะที่ตกแต่งแล้วภายในนคร ตอนเที่ยงคืนเริ่มเทศนาทำมารดา
ให้เป็นพระอริยกายสักขี.1 เมื่อนั้น นางกาติยานีอุบาสิกานี้ไปกับนางกาฬี
ยืนฟังธรรมท้ายบริษัท. สมัยนั้นโจรประมาณ 900 คน ขุดอุโมงค์เริ่ม
แต่มุมหนึ่งภายในนคร ตามกำหนดหมายที่ทำไว้ในเวลากลางวันไปทะลุ
ถึงเรือนนางกาติยานีอุบาสิกานี้. บรรดาโจรเหล่านั้น หัวหน้าโจรไม่เช้า
ไปกับโจรเหล่านั้น ไปยังสถานที่กล่าวธรรมของท่านพระโสณเถระ เพื่อ
สืบสวนว่าบริษัทนี้ประชุมกันทำไมหนอ เมื่อยืนท้ายบริษัท ก็ยืนข้างหลัง

1. พระโสดาปัตติผลถึงพระอรหัตมรรคบุคคล ชื่อว่าพระอาริยกายสุขี บุคคลบัญญัติ หน้า 42.

นางกาติยานีอุบาสิกานี้. เวลานั้น นางกาติยานีเรียกทาสีมาสั่งว่า แม่
นี่เจ้าจงเข้าไปเรือนนำประทีปน้ำมันมา ข้าจักจุดประทีปให้ไฟสว่างแล้ว
ฟังธรรม. ทาสีนั้นไปเรือนจุดประทีปพบพวกโจรขุดอุโมงค์ ก็ไม่ถือเอา
ประทีปน้ำมันมา ไปบอกแม่นายของตนว่า แม่นาย พวกโจรขุดอุโมงค์ใน
เรือนเจ้าค่ะ. หัวหน้าโจรฟังคำทาสีนั้นแล้ว คิดว่า ถ้าหญิงผู้นี้ เชื่อคำทาสี
นี้แล้วไปเรือนไซร้ เราก็จักเอาดาบฟันนางให้ขาดสองท่อนในที่นี้นี่แหละ
ก็ถ้าหญิงผู้นี้จักฟังธรรมโดยนิมิตที่นางถือเอาแล้วนั่นแล เราก็จักให้คืน
ทรัพย์ที่พวกโจรยึดถือไว้. ฝ่ายนางกาติยานีฟังคำทาสีแล้วก็กล่าวว่า แม่คุณ
อย่าทำเสียงดังเลย ขึ้นชื่อว่าพวกโจร เมื่อจะลัก ก็ลักแต่ทรัพย์ที่ตนเห็น
เท่านั้นดอก ส่วนข้าจะฟังธรรมที่หาได้ยากในวันนี้ เจ้าอย่าทำอันตรายแก่
ธรรมเลย. หัวหน้าโจรฟังคำนางก็คิดว่า พวกเรา ซึ่งพากันลักทรัพย์สิ่งของ
ในเรือนของหญิงที่มั่นคงด้วยอัธยาศัยเช่นนี้ก็พึงถูกธรณีสูบแน่. ทันใด
นั่นเอง หัวหน้าโจรนั้นก็ไปสั่งให้คืนทรัพย์สิ่งของที่ลักมาเสีย แล้วพวก
โจรก็พร้อมกันมายืนฟังธรรมท้ายบริษัท. ฝ่ายนางกาติยานีอุบาสิกา จบ
เทศนาของพระเถระ ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. ขณะนั้น เมื่ออรุณขึ้น
หัวหน้าโจรก็ไปหมอบแทบเท้าอุบาสิกากล่าวว่า แม่เจ้า โปรดยกโทษให้
แก่พวกข้าทั้งหมดด้วยเถิด. นางถามว่า ก็พวกท่านทำอะไรแก่ฉันไว้หรือ.
หัวหน้าโจรนั้นก็บอกโทษที่ตนทำทั้งหมด. นางกล่าวว่า พ่อเอ๋ย ฉันยก
โทษให้พวกท่านจ้ะ. หัวหน้าโจรกล่าวว่า แม่เจ้า ก็เป็นอันแม่เจ้ายกโทษ
ให้แก่พวกเราแล้ว แต่ขอแม่เจ้าโปรดให้พวกเราทุกคนได้บวชในสำนัก
พระเถระบุตรของแม่เจ้าด้วยเถิด. นางก็พาโจรเหล่านั้นทั้งหมดไปให้บวช
ในสำนักพระโกฏิกัณณโสณเถระ. คนเหล่านั้น บวชในสำนักพระเถระ

แล้ว ก็บรรลุพระอรหัตหมดทุกรูป. เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างนี้. ต่อมาภายหลัง
พระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาพวกอุบาสิกา
ไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ จึงทรงสถาปนานางกาติยานีอุบาสิกา ไว้ในตำแหน่ง
เอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาอริยสาวิกา ผู้เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้น
แล.
จบอรรถกถาสูตรที่ 8

อรรถกถาสูตรที่ 9


9. ประวัตินางนกุลมารดาคหปตานี



ในสูตรที่ 9 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า วิสฺสาสิกานํ ท่านแสดงว่า นางนกุลมารดาคหปตานี
เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาอริยสาวิกาผู้กล่าวคำคุ้นเคย. ก็คำที่จะพึงกล่าว
ในเรื่องนี้ทั้งหมด มีนัยที่กล่าวไว้แล้วในอุปาสกปาลิในหนหลังนั้นแล.
พึงทราบเรื่องนางนกุลมารดาเทียบเคียง (ในอุบาสกบาลี ) แล.

จบอรรถกถาสูตรที่ 9

อรรถกถาสูตรที่ 10


10. ประวัตินางกาฬีอุบาสิกาชาวกุรรฆรนคร



ในสูตรที่ 10 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า อนุสฺสวปสนฺนานํ ท่านแสดงว่า นางกาฬีอุบาสิกา
ชาวกุรรฆรนคร เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส
ที่เกิดขึ้นโดยฟังตาม ๆ กันมา.
ดังได้สดับมา นางกาฬีอุบาสิกานั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า